หน้าแรก
ตรวจหวย
เว็บบอร์ด
ควิซ
Pic Post
แชร์ลิ้ง
หาเพื่อน
Chat
หาเพื่อน Line
หาเพื่อน Team
Page
อัลบั้ม
คำคม
Glitter
เกมถอดรหัสภาพ
คำนวณ
การเงิน
ราคาทองคำ
กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์
ลงโฆษณา
ลงข่าวประชาสัมพันธ์
แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม
เงื่อนไขการให้บริการ
รวม Quiz
Quiz ของฉัน
Quiz ยอดนิยม
ค้นหา
สร้าง Quiz
ความรู้เกี่ยวกับพื้นฐานมวยคุณแน่นแค่ไหน
ควิซนี้สร้างสรรค์โดย
what568
โปรดแชร์ควิซนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้สร้างควิซ
1.
มวยคืออะไร
A
มวยเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง
B
มวยต้องมีการใช้เทคนิคในการหลบหลีกและป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้
C
มวยแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น มวยไทยและมวยสากล
D
มวยเป็นกีฬาที่ผู้แข่งขันใช้มือและเท้าในการต่อสู้
E
มวยไทยเป็นการต่อสู้ที่ใช้มือ เท้า เข่า และศอก ขณะที่มวยสากลใช้เพียงมือเท่านั้น
F
ก็แค่คนต่อยกัน
G
มวยเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความแข็งแรง ความอดทน และจังหวะการเคลื่อนไหวที่แม่นยำ
H
มวยเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะการโจมตี การป้องกัน และจิตวิทยาในการต่อสู้ โดยนักมวยต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
I
มวยมีทั้งกติกาและท่าทางที่ใช้ในการแข่งขัน
J
ในการแข่งขันมวย นักมวยต้องมีการฝึกฝนทักษะในการโจมตีและป้องกันตัว
K
มวยเป็นกีฬาที่ใช้การต่อสู้ด้วยร่างกาย
2.
วิธีการหายใจในกีฬามวย
A
นักมวยต้องหายใจในขณะต่อสู้
B
การหายใจคือการนำอากาศเข้าสู่ร่างกายและปล่อยออก
C
การหายใจแบบถูกจังหวะช่วยลดความเหนื่อยล้าและควบคุมจังหวะการต่อสู้ได้ดีขึ้น
D
หายใจให้เป็นจังหวะตามการเคลื่อนไหวและการออกหมัดจะช่วยประหยัดพลังงาน
E
การหายใจในมวยสำคัญต่อการควบคุมพลังงาน
F
การหายใจลึกเข้าและออกทางจมูกและปากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้
G
การหายใจทางจมูกและปากพร้อมกันช่วยให้ร่างกายมีออกซิเจนเพียงพอและฟื้นตัวได้เร็วระหว่างยก
H
การหายใจในมวยต้องสมดุล หายใจเข้าทางจมูกและออกทางปากตามจังหวะการต่อสู้ จะช่วยให้นักมวยคุมพลังได้ดี ลดอาการเหนื่อยล้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้
I
การหายใจทางจมูกช่วยกรองอากาศ ในขณะที่หายใจทางปากช่วยให้อากาศเข้าออกได้เร็วขึ้น
J
นักมวยควรหายใจทั้งทางจมูกและปาก
K
ในมวย การหายใจเข้าเร็วและหายใจออกพร้อมการออกหมัดช่วยเพิ่มความแรงในการโจมตี
3.
การกำหมัดของนักมวย
A
นักมวยต้องกำหมัดในการต่อสู้
B
การกำหมัดช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่มือ
C
การกำหมัดคือการใช้มือบีบให้แน่น
D
การกำหมัดที่ถูกต้องและแข็งแรงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตี ป้องกันการบาดเจ็บที่ข้อมือและนิ้ว และทำให้นักมวยสามารถออกหมัดด้วยความแม่นยำและแรง
E
นักมวยต้องกำหมัดแน่นในขณะโจมตี แต่ควรผ่อนหมัดเมื่อไม่ได้ออกหมัดเพื่อประหยัดพลังงาน
F
การกำหมัดแน่นช่วยเสริมแรงในขณะออกหมัด
G
การกำหมัดแน่นช่วยกระจายแรงกระแทกเมื่อหมัดปะทะคู่ต่อสู้ ลดโอกาสการบาดเจ็บที่มือและข้อมือ
H
กำหมัดยังไงก็ได้แน่นๆ
I
การกำหมัดให้แน่นและกดนิ้วหัวแม่มือทับข้อนิ้วช่วยเสริมความแข็งแรงและความปลอดภัยในการออกหมัด
J
การกำหมัดที่ถูกต้องจะช่วยให้นักมวยออกหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการบาดเจ็บ
K
การกำหมัดแน่นช่วยป้องกันการบิดหรือหักของข้อมือขณะต่อสู้และเสริมพลังในการโจมตี
4.
วิธีการเดินมวย
A
การเดินมวยคือการเคลื่อนไหวในขณะต่อสู้
B
การเดินมวยอย่างถูกต้องคือการก้าวเท้าฝั่งที่ต้องการไปให้เป็นฝ่ายนำ ไม่ว่าจะเดินหน้า ถอยหลัง หรือเคลื่อนที่ไปด้านข้าง ทั้งนี้จะช่วยรักษาสมดุลและความคล่องตัวในการต่อสู้ รวมถึงลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี
C
การเดินถอยหลัง เท้าหลังจะต้องนำ เท้าหน้าตามเพื่อไม่เสียสมดุล
D
การเดินมวยต้องก้าวเท้าให้สัมพันธ์กัน โดยไม่ไขว้หรือขัดขากัน
E
การเดินมวยที่ดีช่วยให้นักมวยสามารถหลบหลีกและสร้างโอกาสในการโจมตีได้ดีขึ้น
F
การเดินมวยช่วยให้คุณสามารถเคลื่อนที่ในเวทีได้
G
การเคลื่อนไหวไปด้านข้าง เท้าที่อยู่ฝั่งที่เราจะไปจะก้าวนำ เช่น ถ้าเดินไปทางซ้าย เท้าซ้ายจะก้าวนำ
H
การเดินมวยต้องสัมพันธ์กับการโจมตีและป้องกัน เพื่อคงสมดุลและทำให้สามารถตอบโต้คู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
I
การเดินมวยช่วยให้คุณเคลื่อนไหวในเวทีได้รวดเร็ว สามารถหลบหลีกการโจมตีและหาโอกาสโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
J
การเดินมวยใช้เพื่อรักษาสมดุลและหลบหลีกการโจมตี
K
เมื่อต้องการเดินหน้า เท้าหน้าจะต้องนำ และเท้าหลังตามเพื่อรักษาสมดุล
5.
การตั้งการ์ดพื้นฐานมวยสากลแบบดั่งเดิมคือ
A
การตั้งการ์ดที่ดีช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการโจมตีและป้องกัน ทำให้นักมวยสามารถหลบหลีกและตอบโต้การโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
B
คางควรก้มลงเล็กน้อยเพื่อป้องกันใบหน้าจากการถูกโจมตีตรงๆ และเพื่อให้สายตาจับตาดูการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้
C
ยกมือขึ้นปิดหน้าไว้ เพื่อป้องกันการโจมตีและสวนกลับ
D
เท้าควรอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยเท้าหน้าอยู่ข้างหน้าเล็กน้อย เท้าหลังอยู่ข้างหลัง เพื่อรักษาสมดุลและความพร้อมในการเคลื่อนไหว
E
การตั้งการ์ดเป็นพื้นฐานในการป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้
F
การตั้งการ์ดมวยสากลพื้นฐานคือการรักษามือข้างหนึ่งเพื่อป้องกันหน้าและหมัดอีกข้างใกล้คาง พร้อมป้องกันและโจมตี คางก้มเล็กน้อยเพื่อป้องกันและสายตาต้องจับที่คู่ต่อสู้ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อส
G
ศอกทั้งสองข้างควรชิดลำตัวเล็กน้อย เพื่อป้องกันลำตัวจากการโจมตี
H
การตั้งการ์ดคือการยกมือขึ้นเพื่อป้องกันตัว
I
การตั้งการ์ดต้องให้มือหนึ่งอยู่ใกล้แก้มและมืออีกข้างอยู่ที่ระดับคาง
J
ในท่าการ์ดพื้นฐาน มือซ้าย (สำหรับมวยขวา) จะอยู่ข้างหน้าเพื่อใช้ในการโจมตีและป้องกัน หมัดขวาอยู่ใกล้คางเพื่อป้องกันและพร้อมโจมตี
K
การ์ดในมวยสากลหมายถึงการยกมือขึ้นเพื่อป้องกันหน้าและลำตัว
6.
การตั้งการ์ดพื้นฐานมวยสากลแบบดั่งเดิม (แบบเร็ว)คือ
A
การตั้งการ์ดแบบเร็วคือการปรับตำแหน่งมือเพื่อเพิ่มความเร็วในการโจมตี
B
การตั้งการ์ดมวยสากลพื้นฐานแบบเร็ว คือการยื่นมือข้างที่ไม่ถนัดไปข้างหน้าเล็กน้อย ช่วยให้ต่อยได้เร็วขึ้น ป้องกันตัวได้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ
C
การ์ดแบบเร็วช่วยให้ต่อยหมัดได้รวดเร็วขึ้น
D
การยื่นมือข้างหน้าเล็กน้อยช่วยให้ควบคุมจังหวะการต่อยและสร้างแรงกดดันต่อคู่ต่อสู้
E
การตั้งการ์ดแบบเร็วนี้ยังช่วยให้การป้องกันทำได้มีประสิทธิภาพ เพราะมือข้างหน้าอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมรับหมัดของคู่ต่อสู้
F
เมื่อมือข้างที่ไม่ถนัดยื่นออกไปข้างหน้า จะช่วยให้ต่อยหมัดแย็บได้เร็วขึ้นและพร้อมโจมตีตลอดเวลา
G
ยื่นมือซ้าย (หรือมือข้างที่ไม่ถนัด) ออกไปเล็กน้อยทำให้ต่อยได้เร็วขึ้น
H
การ์ดมือซ้ายที่ยื่นไปข้างหน้าช่วยให้ระยะการโจมตีสั้นลง เพิ่มความเร็วในการต่อยหมัดแย็บ
I
คางยังคงก้มลงเล็กน้อยเพื่อป้องกัน พร้อมทั้งสายตาจับคู่ต่อสู้และพร้อมที่จะโจมตีอย่างรวดเร็ว
J
การตั้งการ์ดแบบเร็วทำให้นักมวยสามารถควบคุมจังหวะการต่อสู้ได้ดี ทั้งการป้องกันและการโจมตี
K
พยายามออกหมัดให้เร็วกว่าเดิม ยื่นมือออกไปเร็วๆ เพื่อเพิ่มความเร็วในการโจมตี ยิ่งออกแรงมากหมัดยิ่งเร็ว
7.
หมัดเคาเตอร์ (Counter Punching) คืออะไร
A
การเคาเตอร์ต้องใช้การหลบและการอ่านจังหวะของคู่ต่อสู้
B
หมัดที่ตีจากด้านข้างไปยังเป้าหมาย เช่น ใบหน้าหรือลำตัว ใช้ทั้งมือซ้ายและขวา มีแรงกระแทกสูง และมักใช้ในระยะใกล้
C
การเคาเตอร์คือการหลบการโจมตีจากคู่ต่อสู้แล้วสวนกลับด้วยหมัดทันที การทำเช่นนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำคะแนน ลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี และสร้างความได้เปรียบในเวทีโดยการควบคุมจังหวะการต่อสู้ได้อย่างมีประสิท
D
การเคาเตอร์คือการสวนกลับเมื่อคู่ต่อสู้โจมตี
E
หมัดเคาเตอร์ไม่เพียงแต่ตอบโต้การโจมตี แต่ยังสามารถทำให้คู่ต่อสู้ตกใจและเสียจังหวะ
F
การหลบและสวนกลับอย่างถูกต้องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันตัวและตอบโต้
G
หมัดเคาเตอร์คือการตอบโต้หลังจากหลบการโจมตี
H
นักมวยต้องตั้งการ์ดและหลบหมัดคู่ต่อสู้ให้ได้ก่อน แล้วจึงสวนกลับด้วยหมัดของตนเอง
I
นักมวยใช้หมัดเคาเตอร์เพื่อเพิ่มโอกาสทำคะแนนจากการโจมตีที่คาดไม่ถึง
J
นักมวยที่มีทักษะในการเคาเตอร์จะสามารถสร้างโอกาสในการทำคะแนนและลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี
K
การเคาเตอร์สามารถทำได้จากการเคลื่อนที่หลบไปด้านข้างหรือถอยหลัง
8.
หมัดแย็บ (Jab) คืออะไร
A
การต่อยด้วยหมัดแย็บควรทำให้ตรงและมีความเร็ว โดยไม่ต้องออกแรงมาก
B
หมัดแย็บเป็นหมัดที่ต่อยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
C
นักมวยที่ใช้หมัดแย็บได้ดีจะสามารถทำให้คู่ต่อสู้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง
D
หมัดแย็บคือหมัดที่ใช้มือข้างที่ไม่ถนัด
E
นักมวยใช้หมัดแย็บเพื่อสร้างระยะห่างและจังหวะในการต่อสู้
F
การใช้หมัดแย็บอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี
G
หมัดแย็บมักใช้เพื่อก่อกวนคู่ต่อสู้และวัดระยะ
H
นักมวยสามารถใช้หมัดแย็บเป็นเครื่องมือในการตั้งรับและเปิดช่องทางในการโจมตีหมัดอื่นได้
I
หมัดแย็บ (Jab) เป็นหมัดที่ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดต่อยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ใช้ในการสร้างระยะและก่อกวนคู่ต่อสู้ หมัดแย็บช่วยควบคุมจังหวะและเปิดโอกาสให้หมัดอื่นตามมา การใช้หมัดแย็บอย่างมีประสิทธิ
J
หมัดแย็บช่วยให้นักมวยสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้และเปิดโอกาสให้หมัดอื่นตามมา
K
หมัดที่เหวี่ยงใส่คู่ต่อสู้เพื่อวัดระยะในการต่อย ใช้มือข้างที่ถนัด มักใช้เมื่อเห็นโอกาสโจมตีศีรษะของคู่ต่อสู้
9.
หมัดตรง (Cross)
A
หมัดตรงเป็นหมัดที่มีความแม่นยำและควรใช้ในจังหวะที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดผลสูงสุด
B
นักมวยที่ใช้หมัดตรงได้ดีจะสามารถสร้างโอกาสทำคะแนนและทำให้คู่ต่อสู้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี
C
หมัดตรงสามารถใช้โจมตีใบหน้าหรือร่างกายของคู่ต่อสู้
D
การตั้งการ์ดและตำแหน่งเท้าสำคัญในการต่อยหมัดตรงให้มีประสิทธิภาพ
E
เมื่อต่อยหมัดตรง มือข้างที่ถนัดจะเคลื่อนที่จากตำแหน่งใกล้คางไปยังเป้าหมาย
F
หมัดตรงคือหมัดที่ใช้มือข้างที่ถนัด
G
การต่อยด้วยหมัดตรงทำให้มีพลังมากและมีความเร็ว
H
คือการต่อยไปข้างหน้าตรงๆ เป็นหมัดที่อยู่ใกล้ที่สุดและแรงที่สุด
I
หมัดตรงมักถูกใช้หลังจากหมัดแย็บ
J
การบิดลำตัวเล็กน้อยขณะต่อยหมัดตรงช่วยเพิ่มพลังและความเร็ว
K
หมัดตรง (Cross) เป็นหมัดที่ใช้มือข้างที่ถนัด (ขวาสำหรับมวยขวา) เพื่อต่อยตรงไปยังเป้าหมายหลังจากหมัดแย็บ โดยใช้พลังจากลำตัวและการหมุนข้อมือในการโจมตี หมัดตรงเป็นการโจมตีที่มีความแรงและแม่นยำ เหมาะสำหรั
10.
จงเลือกข้อซึ้งมีหมัดที่มีจริงมากที่สุด
A
หมัดแย็บ (Jab) หมัดครอส (Cross) หมัดเคาเตอร์ (Counter Punch) หมัดฮุก (Hook) หมัดอัปเปอร์คัต (Uppercut)
B
หมัดเฉียง (Angle Punch) หมัดฟัน (Slice Punch) หมัดเร่ง (Dash Punch) หมัดเบี่ยง (Deflect Punch) หมัดทิ่ม (Stab Punch)
C
หมัดทุบ (Smash Punch) หมัดตบ (Slap Punch) หมัดเคาเตอร์ (Counter Punch) หมัดร่อน (Drift Punch) หมัดโค้ง (Curve Punch)
D
หมัดฮุก (Hook) หมัดอัปเปอร์ (Uppercut) หมัดทะลุ (Break Punch) หมัดก้อง (Echo Punch) หมัดกระแทก (Impact Punch)
E
หมัดปัด (Swipe Punch) หมัดรอบ (Round Punch) หมัดกระทุ้ง (Thump Punch) หมัดรัว (Rapid Punch) หมัดลม (Wind Punch)
F
หมัดแย็บด่วน (Quick Jab) หมัดคลื่น (Surge Punch) หมัดโฟกัส (Focus Punch) หมัดแปรปรวน (Variable Punch) หมัดขว้าง (Throw Punch)
G
หมัดรุก (Offensive Punch) หมัดฟ้าแลบ (Lightning Punch) หมัดเวฟ (Wave Punch) หมัดรุนแรง (Forceful Punch) หมัดยาว (Long Punch)
H
หมัดเจาะ (Piercing Punch) หมัดบู๊ (Brawl Punch) หมัดซุปเปอร์ (Super Punch) หมัดโฉบ (Swoop Punch) หมัดกำจัด (Eliminate Punch)
I
หมัดแย็บ (Jab) หมัดครอส (Cross) หมัดยืด (Stretch Punch) หมัดกวาด (Sweep Punch) หมัดคว้า (Grab Punch)
J
หมัดแย็บด่วน (Quick Jab) หมัดคลื่น (Surge Punch) หมัดโฟกัส (Focus Punch) หมัดแปรปรวน (Variable Punch) หมัดขว้าง (Throw Punch)
K
หมัดกระแทก (Impact Punch) หมัดเชือด (Cut Punch) หมัดบิด (Twist Punch) หมัดปะทะ (Clash Punch) หมัดควบคุม (Control Punch)
11.
การโยกตัวในมวยคืออะไร
A
การโยกตัวเป็นเทคนิคที่สำคัญในการควบคุมจังหวะการต่อสู้และสร้างโอกาสในการโจมตี
B
การโยกตัวทำให้ดูเหมือนการโยนร่างกายไปมา ซึ่งช่วยในการหลบการโจมตี
C
เมื่อนักมวยโยกตัว จะใช้เท้าหน้าและเท้าหลังในการเคลื่อนที่
D
การขยับตัวตามจังหวะเท้าช่วยให้สามารถตอบสนองต่อการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
E
การโยกตัวช่วยให้นักมวยสามารถหลบหลีกหมัดจากคู่ต่อสู้ได้
F
การยืนด้วยปลายเท้าช่วยให้สามารถขยับตัวได้รวดเร็วขึ้น
G
คือการโยกตัวไปมา เพื่อให้สามารถหลบได้ง่ายขึ้นและคล่องแคล่วรวมถึงสร้างสมดุลในการยืนมวยด้วย
H
การโยกตัวคือการเคลื่อนที่ของร่างกายเพื่อหลบการโจมตี
I
การโยกตัวในมวย คือการเคลื่อนที่และปรับตำแหน่งร่างกายโดยการยืนด้วยปลายเท้า เมื่อต้องการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เท้าหน้าจะเหยียบเต็มขณะที่ส้นเท้าหลังจะยกขึ้น และเมื่อต้องการเคลื่อนที่ถอยหลัง เท้าหลังจะเหยี
J
เมื่อต้องการเคลื่อนไหว เท้าหน้าจะเหยียบเต็ม ขณะที่ส้นเท้าหลังยกขึ้น
K
ในขณะที่เท้าหลังเหยียบเต็ม ส้นเท้าของเท้าหน้าจะยกขึ้น ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว
12.
การ์ดพิคาบู (Peekaboo Guard) คืออะไร
A
การ์ดพิคาบู (Peekaboo Guard) คือท่าการป้องกันในมวยสากลที่นักมวยยกมือขึ้นปิดใบหน้า โดยให้มืออยู่ในระดับสูงและใช้ไหล่ในการป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ เทคนิคนี้ช่วยให้นักมวยสามารถหลบการโจมตีได้ดี ในขณะเด
B
การ์ดพิคาบูคือท่าทางที่นักมวยยกมือขึ้นป้องกันใบหน้าและใช้ไหล่ป้องกันการโจมตี
C
การ์ดพิคาบูมีการตั้งมือในลักษณะที่สูงและใช้ไหล่ในการป้องกัน นอกจากนี้นักมวยยังต้องเคลื่อนที่และโยกตัวเพื่อหลบการโจมตีจากคู่ต่อสู้
D
การ์ดพิคาบูช่วยป้องกันหมัดจากคู่ต่อสู้ แต่ไม่สามารถโจมตีกลับได้
E
นักมวยใช้การ์ดพิคาบูเพื่อป้องกันการโจมตี และทำให้สามารถเคลื่อนไหวไปข้างหน้าได้ง่าย
F
การ์ดพิคาบู (Peekaboo Guard) เป็นท่าป้องกันที่ช่วยให้นักมวยป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ โดยการยกมือขึ้นปิดใบหน้า และใช้ไหล่ในการป้องกัน พร้อมทั้งมีการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวในการตอบโต้เมื่อคู่ต่อสู้โจมตี
G
การ์ดพิคาบูมักใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด โดยนักมวยยกมือปิดใบหน้าและใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อหลบหลีกการโจมตี
H
การ์ดพิคาบูเป็นท่าป้องกันที่มีการใช้ไหล่ในการป้องกัน และนักมวยสามารถโจมตีได้ทันทีหลังจากหลบการโจมตี
I
การ์ดพิคาบูเป็นการ์ดที่ใช้ในการป้องกันในมวยไทย
J
การ์ดพิคาบูช่วยให้นักมวยมีความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว สามารถหลบการโจมตีและตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว
K
การ์ดพิคาบูจะต้องยกมือขึ้นระดับคาง โดยไม่ควรให้มืออยู่ต่ำเกินไป
13.
การ์ดฟิลลี่เชลล์ (Philly Shell) คืออะไร
A
การ์ดฟิลลี่เชลล์มีลักษณะการตั้งมือข้างหนึ่งที่ระดับคาง ขณะที่มืออีกข้างยกสูงขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตี
B
การ์ดฟิลลี่เชลล์ใช้การป้องกันด้วยการยกมือขึ้นและใช้ไหล่ในการป้องกัน
C
การ์ดฟิลลี่เชลล์ (Philly Shell) คือเทคนิคการป้องกันในมวยที่ช่วยให้นักมวยป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ โดยการตั้งมือข้างหนึ่งไว้ที่ระดับคางและอีกมือหนึ่งยกสูงขึ้น ไหล่ถูกยกขึ้นเพื่อลดแรงกระแทกจากหมัด การ
D
การ์ดฟิลลี่เชลล์เป็นท่าป้องกันที่สำคัญในมวยสากล โดยใช้การป้องกันด้วยมือและไหล่เพื่อช่วยลดการโดนตีที่ใบหน้า และมีการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวในการตอบโต้เมื่อคู่ต่อสู้โจมตีพลาด
E
การ์ดฟิลลี่เชลล์เป็นการตั้งการ์ดที่ช่วยป้องกันการโจมตี แต่ไม่มีความคล่องตัว
F
การ์ดฟิลลี่เชลล์ทำให้สามารถหลบการโจมตีได้ดี แต่ไม่สามารถตอบโต้ได้
G
การ์ดฟิลลี่เชลล์ (Philly Shell) เป็นเทคนิคการป้องกันที่นักมวยยกมือข้างหนึ่งไว้ที่ระดับคาง และอีกข้างหนึ่งยกสูงขึ้น ใช้ไหล่ในการป้องกันการโจมตีและลดแรงกระแทกจากหมัด
H
การ์ดฟิลลี่เชลล์คือการยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้
I
การ์ดฟิลลี่เชลล์ช่วยป้องกันการโจมตีที่ใบหน้าและร่างกาย โดยใช้ไหล่เป็นส่วนช่วยในการป้องกัน
J
การ์ดฟิลลี่เชลล์ นักมวยจะยกมือขึ้นมาปิดใบหน้า โดยให้มืออยู่ในระดับที่สูงพอสมควร มักจะตั้งอยู่ที่บริเวณข้างคางและใบหน้า
K
นักมวยที่ใช้การ์ดฟิลลี่เชลล์จะสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัว สามารถตอบโต้เมื่อคู่ต่อสู้พลาดการโจมตี
14.
การ์ดปล่อยมือ (Hands-Free Guard) คืออะไร
A
การ์ดปล่อยมือช่วยให้นักมวยมีความคล่องตัวสูงในการหลบหลีกการโจมตี และสามารถตอบโต้ได้ทันทีเมื่อคู่ต่อสู้โจมตีพลาด
B
การ์ดปล่อยมือ (Hands-Free Guard) คือเทคนิคการป้องกันในมวยที่นักมวยลดระดับการ์ด โดยมือจะอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าปกติ และใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายและการเคลื่อนที่ของเท้าในการป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ เทค
C
การ์ดปล่อยมือคือท่าที่นักมวยลดระดับการ์ด โดยมือจะอยู่ต่ำกว่าปกติ และใช้การโยกตัวหลบการโจมตี
D
การ์ดปล่อยมือคือการตั้งการ์ดในมวยไทยโดยยกมือขึ้นปิดหน้า
E
การ์ดปล่อยมือคือการตั้งการ์ดที่ช่วยป้องกันการโจมตี แต่ไม่สามารถโจมตีกลับได้
F
การ์ดปล่อยมือเป็นการตั้งมือในตำแหน่งต่ำ โดยนักมวยใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายในการป้องกัน
G
ในการ์ดปล่อยมือ นักมวยจะต้องมีความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว และต้องใช้เท้าในการสร้างระยะห่างจากคู่ต่อสู้
H
การ์ดปล่อยมือ (Hands-Free Guard) คือท่าป้องกันที่นักมวยไม่ยกมือขึ้นปิดใบหน้าอย่างเต็มที่ แต่ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อหลบการโจมตี โดยมือจะอยู่ในระดับต่ำ
I
การ์ดปล่อยมือเป็นเทคนิคที่สำคัญในมวย โดยนักมวยใช้การเคลื่อนไหวและการโยกตัวแทนการยกมือป้องกัน และสามารถสร้างโอกาสในการโจมตีได้เมื่อคู่ต่อสู้โจมตีพลาด
J
การ์ดปล่อยมือเป็นท่าที่นักมวยยกมือสูงขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตี
K
การ์ดปล่อยมือช่วยลดการโจมตีที่ใบหน้า โดยนักมวยสามารถเคลื่อนที่และหลบการโจมตีได้ง่าย
15.
การ์ดมวยไทย (Muay Thai Guard) คืออะไร
A
การ์ดมวยไทย (Muay Thai Guard) คือเทคนิคการป้องกันที่สำคัญในมวยไทย ซึ่งนักมวยยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดใบหน้า โดยมีการใช้ศอกในการป้องกันการโจมตีจากด้านข้าง และสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัว
B
การ์ดมวยไทยคือการยกมือข้างหนึ่งไว้ที่คางและอีกข้างหนึ่งอยู่สูงกว่าเพื่อป้องกันการตีจากด้านบน
C
การ์ดมวยไทยช่วยป้องกันการโจมตี แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่องการโจมตีกลับ
D
การ์ดมวยไทยช่วยให้นักมวยป้องกันการโจมตีจากหมัดและเตะ โดยการยกมือขึ้นและมีการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวในการหลบหลีก
E
การ์ดมวยไทยคือท่าที่นักมวยยกมือขึ้นปิดหน้าเพื่อป้องกันการโจมตี
F
การ์ดมวยไทยคือท่าป้องกันที่นักมวยใช้เพื่อป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ โดยนักมวยจะต้องยกมือขึ้นปิดใบหน้าและใช้ศอกในการป้องกัน พร้อมทั้งมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและมั่นคงในการตอบโต้เมื่อมีโอกาส
G
ในการ์ดมวยไทย นักมวยจะยกมือขึ้นปิดใบหน้าและใช้ศอกในการป้องกันการโจมตีจากด้านข้าง
H
การ์ดมวยไทยมีการตั้งมือที่ถูกต้องและมั่นคง ทำให้นักมวยสามารถป้องกันการโจมตีและตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีโอกาส
I
การ์ดมวยไทย (Muay Thai Guard) คือเทคนิคการป้องกันในมวยไทยที่มีความสำคัญสูง โดยนักมวยจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อปิดใบหน้า มือหนึ่งอาจจะอยู่ที่ระดับคางและอีกมือหนึ่งยกสูงขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากด้านบ
J
การ์ดมวยไทยใช้มือทั้งสองข้างในการป้องกันใบหน้า และนักมวยต้องสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
K
การ์ดมวยไทย (Muay Thai Guard) คือการตั้งการ์ดที่นักมวยยกมือขึ้นสูงและใช้ศอกป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้
16.
ฟุตเวิร์ค (Footwork) ในมวย คืออะไร
A
ฟุตเวิร์คในมวยเป็นการสลับที่ของเท้าอย่างรวดเร็ว ขณะเท้าหน้าก้าวไปข้างหน้า เท้าหลังจะต้องลอยตาม โดยการเคลื่อนที่นี้จะช่วยให้หลบการโจมตีได้ง่ายขึ้น บางคนอาจคิดว่ามันเหมือนการกระโดด
B
การเดินด้วยฟุตเวิร์คคือการยกเท้าหน้าขึ้นไปข้างหน้า ก่อนที่เท้าหลังจะเหยียบลงพื้น เท้าหน้าต้องยกขึ้นทันทีเพื่อไม่ให้การเคลื่อนไหวหยุดชะงัก อาจมีคนเข้าใจผิดว่าต้องกระโดด
C
การเดินด้วยฟุตเวิร์คในมวยคือการก้าวเท้าข้างหน้าก่อนแล้วเท้าหลังจะตามมา นักมวยใช้การเคลื่อนไหวนี้เพื่อหลบการโจมตี แต่บางครั้งอาจกระโดดออกไปด้วย
D
ฟุตเวิร์ค (Footwork) คือการเคลื่อนที่ของนักมวยที่ใช้การก้าวเท้าฝั่งที่จะไปนำและก้าวเท้าหลังตาม ซึ่งต้องการความคล่องตัวและความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว การเคลื่อนที่นี้ไม่ใช่การกระโดดแต่อย่างใด
E
ฟุตเวิร์คในมวยคือการเดินที่มีหลักการในการก้าวเท้าฝั่งที่จะไปนำก่อนและก้าวเท้าหลังตาม เพื่อให้การเคลื่อนไหวราบรื่นและไม่หยุดชะงัก ขณะเดียวกันต้องรักษาสมดุลให้ดี การกระโดดไม่ใช่ส่วนหนึ่งของฟุตเวิร์ค
F
ฟุตเวิร์คช่วยให้นักมวยเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว โดยก้าวเท้าฝั่งที่จะไปนำ และก้าวเท้าหลังตาม แต่ไม่ใช่การกระโดดนะ
G
ฟุตเวิร์คเป็นการเคลื่อนที่ของเท้าขณะต่อสู้ นักมวยจะก้าวเท้าหน้าไปข้างหน้าและเท้าหลังตามมา โดยอาจมีการกระโดดเล็กน้อย
H
การเดินด้วยฟุตเวิร์ค (Footwork) ในมวยคือการเคลื่อนที่ที่นักมวยจะต้องก้าวเท้าฝั่งที่จะไปนำและก้าวเท้าหลังตาม ก่อนที่เท้าหลังจะเหยียบถึงพื้น เท้าหน้าจะต้องยกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนท
I
ฟุตเวิร์ค (Footwork) ในมวยคือเทคนิคการเคลื่อนไหวที่สำคัญ ซึ่งนักมวยต้องก้าวเท้าฝั่งที่จะไปนำและก้าวเท้าหลังตาม ในขณะที่เท้าหลังยังไม่เหยียบถึงพื้น เท้าหน้าจะต้องยกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การ
J
ฟุตเวิร์คคือเทคนิคการเคลื่อนที่ที่สำคัญในมวย นักมวยจะต้องก้าวเท้าฝั่งที่จะไปนำแล้วก้าวเท้าหลังตาม โดยการเคลื่อนที่จะต้องไม่เป็นการกระโดด
K
ฟุตเวิร์คคือการเดินในมวย โดยนักมวยใช้ขาในการเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและข้างหลัง
17.
ความแตกต่างระหว่าง MMA มวยสากล และมวยไทย
A
MMA เป็นการต่อสู้ที่มีการใช้หมัดและเท้าในสนามที่เปิดกว้าง มวยสากลมีกติกาที่เข้มงวดกว่าและมักต่อสู้ในพื้นที่ที่มีเชือกล้อมรอบ
B
MMA คือการต่อสู้แบบผสมที่รวมเทคนิคจากหลายชนิดการต่อสู้ นักสู้สามารถใช้หมัด เท้า ล็อก และการต่อสู้บนพื้นได้ ในขณะที่มวยสากลจะใช้หมัดเท่านั้น และมวยไทยจะอนุญาตให้ใช้หมัด เท้า เข่า และศอกในการต่อสู้
C
MMA คือกีฬาที่ผสมผสานระหว่างหลายชนิดการต่อสู้ นักสู้สามารถใช้หมัด เท้า หรือท่าทางจากมวยไทยและยิวยิตสูได้ ในขณะที่มวยสากลจะใช้เพียงหมัดเท่านั้น แต่มวยไทยอาจใช้หมัด เท้า เข่า และศอกในการต่อสู้
D
MMA คือการต่อสู้ที่นักสู้สามารถใช้เท้ากับหมัดได้ แต่ไม่สามารถใช้ท่าทางอื่น ๆ เช่น การล๊อกหรือการนอนลงได้ มวยสากลเป็นกีฬาที่มีการต่อสู้ด้วยหมัดเท่านั้น
E
MMA เป็นกีฬาการต่อสู้ที่รวมเทคนิคจากหลากหลายรูปแบบ เช่น มวยไทย ยิวยิตสู และการต่อสู้บนพื้น นักกีฬา MMA สามารถใช้ทั้งการต่อย เตะ และล็อกคู่ต่อสู้ได้ ขณะที่มวยสากลจะจำกัดเพียงการใช้หมัด และมวยไทยจะใช้หม
F
MMA (Mixed Martial Arts) เป็นการต่อสู้ที่รวมเทคนิคจากหลายกีฬาต่อสู้ เช่น มวยไทยและยิวยิตสู นักสู้สามารถใช้หมัด เตะ ล็อก และการต่อสู้บนพื้น ในขณะที่มวยสากลมีกติกาที่จำกัดเฉพาะการใช้หมัดเท่านั้น และมวยไ
G
MMA หรือ Mixed Martial Arts เป็นการต่อสู้แบบผสมที่อนุญาตให้ใช้หลายเทคนิคในการต่อสู้ ทั้งจากการยืนและการต่อสู้บนพื้น ในขณะที่มวยสากลจะเน้นการใช้หมัดเพียงอย่างเดียว และมวยไทยจะมีการใช้หมัด เท้า เข่า และ
H
MMA (Mixed Martial Arts) คือกีฬาการต่อสู้แบบผสมที่รวมเทคนิคจากหลายประเภท เช่น มวยไทย มวยสากล ยิวยิตสู และการต่อสู้แบบอื่น ๆ นักสู้ใน MMA สามารถใช้หมัด เตะ ล็อก และการต่อสู้บนพื้นได้อย่างเสรี ในขณะที่ม
I
MMA เป็นกีฬาการต่อสู้ที่ผสมผสานเทคนิคจากหลายประเภทการต่อสู้ นักสู้สามารถใช้ทั้งการต่อย เตะ ล็อก และการต่อสู้บนพื้น มวยสากลเน้นการต่อสู้ด้วยหมัดเท่านั้น ขณะที่มวยไทยมีการใช้หมัด เท้า เข่า และศอก โดยมีก
J
MMA คือมวยที่ใช้ทั้งมือและเท้าในการต่อสู้ เป็นการต่อสู้ที่ใช้เพียงหมัดเท่านั้น
K
MMA (Mixed Martial Arts) คือการต่อสู้ที่มีการใช้เทคนิคจากหลายประเภทการต่อสู้ เช่น มวยไทย มวยสากล ยิวยิตสู และอื่น ๆ นักสู้สามารถใช้หมัด เตะ ล็อก และการต่อสู้บนพื้น ในขณะที่มวยสากลจะเน้นการใช้หมัดอย่าง
18.
การถีบในมวยไทยที่ถูกต้อง
A
การถีบในมวยไทยหมายถึงการใช้ขาในการโจมตีคู่ต่อสู้โดยการยกขาขึ้นแล้วใช้เท้าผลักคู่ต่อสู้ นักมวยจะต้องยืนในท่าที่มั่นคง และควรคำนึงถึงการควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเอง
B
การถีบในมวยไทยคือการใช้ขาเหยียบคู่ต่อสู้ให้ออกไป
C
การถีบในมวยไทยคือการใช้เท้าถีบไปที่หน้าหรือท้องของคู่ต่อสู้ เพื่อสร้างระยะห่าง แต่ไม่ควรให้มืออยู่ข้างหลัง
D
การถีบในมวยไทยคือการใช้เท้าถีบไปที่คู่ต่อสู้ โดยนักมวยจะต้องยืนในท่าที่มั่นคง ยกขาและใช้แรงจากสะโพกในการถีบให้มีพลัง เทคนิคนี้ช่วยในการสร้างระยะห่างหรือโจมตีคู่ต่อสู้ และควรมีการควบคุมตัวเองเพื่อไม่ให
E
การถีบในมวยไทยคือการใช้เท้าถีบไปที่ท้องหรือหน้า โดยการยกขาและใช้แรงจากสะโพกในการถีบ เพื่อสร้างระยะห่างจากคู่ต่อสู้ ควรตั้งตัวในท่าที่มั่นคงและมีสมดุล
F
การถีบคือการใช้เท้าผลักคู่ต่อสู้ นักมวยจะยกขาขึ้นแล้วเหยียบ
G
การถีบในมวยไทยคือการใช้เท้าถีบไปที่คู่ต่อสู้เพื่อสร้างระยะห่างหรือโจมตี โดยนักมวยจะต้องยืนในท่าที่มั่นคง ยกขาและใช้แรงจากสะโพกในการถีบไปข้างหน้า เทคนิคนี้จะช่วยให้นักมวยสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
H
การถีบในมวยไทย (Teep) คือการใช้เท้าถีบไปที่คู่ต่อสู้ ซึ่งช่วยในการสร้างระยะห่างและควบคุมการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ นักมวยจะต้องยืนในท่าที่มั่นคง โดยการยกขาขึ้นและใช้แรงจากสะโพกและขาในการถีบไปข้างหน้า ค
I
การถีบในมวยไทยใช้เท้าฝั่งที่ถีบยกขึ้นแล้วพุ่งไปข้างหน้า โดยนักมวยต้องยืนในท่าที่มั่นคงเพื่อให้เกิดแรงปะทะได้อย่างเต็มที่
J
การถีบในมวยไทยมีความสำคัญในการควบคุมระยะห่างและสร้างโอกาสในการโจมตี นักมวยจะต้องยืนในท่าที่มั่นคง ยกขาที่จะถีบขึ้นแล้วใช้แรงจากสะโพกและขาในการถีบไปข้างหน้า โดยต้องระมัดระวังไม่ให้เสียสมดุล
K
การถีบในมวยไทยถือเป็นเทคนิคที่สำคัญ โดยการยกขาขึ้นและถีบไปข้างหน้า นักมวยควรใช้แรงจากสะโพกและขาในการถีบเพื่อสร้างพลังในการโจมตี ต้องยืนในท่าที่มั่นคงเพื่อให้สามารถควบคุมร่างกายได้ดี
19.
หมัดชุด คืออะไร
A
หมัดชุดในมวยคือการต่อยที่นักมวยสามารถโจมตีได้หลายหมัดในเวลาสั้นๆ เช่น การต่อย 3-5 หมัดติดต่อกัน การใช้หมัดชุดช่วยเพิ่มโอกาสในการทำคะแนนหรือทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บ
B
หมัดชุดคือเทคนิคที่นักมวยจะต่อยด้วยหมัดหลายครั้งติดต่อกันในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การผสมผสานหมัดตรง หมัดขวาง และหมัดอัปเปอร์คัต เพื่อสร้างความยุ่งเหยิงและทำให้คู่ต่อสู้ตอบโต้ได้ยากขึ้น โดยปกติมักจะต่อ
C
หมัดชุดคือเทคนิคการต่อยที่นักมวยจะทำการโจมตีด้วยหมัดหลายๆ หมัดในชุดเดียว โดยมีการวางแผนการโจมตี เช่น การใช้หมัดตรง หมัดขวาง และหมัดอัปเปอร์คัตในการทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้ ซึ่งมักจะต่อย 3-5 หมัดติด
D
หมัดชุด (Combination punches) ในมวยคือการต่อยหลายหมัดติดต่อกันในรูปแบบที่มีการวางแผน เช่น การใช้หมัดตรง หมัดขวาง และหมัดอัปเปอร์คัต โดยปกตินักมวยจะต่อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อสร้างแรงกดดันและเพิ่มโอกาสในก
E
หมัดชุดคือการต่อยหลายหมัดติดต่อกัน ซึ่งนักมวยจะใช้การโจมตีแบบต่อเนื่อง เช่น ต่อย 3 ครั้งติดต่อกัน โดยอาจมีการผสมผสานระหว่างหมัดที่ต่างกัน
F
หมัดชุดคือการต่อยที่นักมวยต่อยด้วยหมัดหนึ่งชุดในครั้งเดียว
G
หมัดชุดหมายถึงการใช้เทคนิคการต่อยที่นักมวยต่อยหลายหมัดในชุดเดียว เช่น การต่อย 3 ครั้งติดต่อกัน โดยการใช้หมัดต่างๆ เช่น หมัดตรง หมัดขวาง และหมัดอัปเปอร์คัต เพื่อสร้างแรงกดดันและทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุล
H
หมัดชุดหมายถึงการต่อยที่ใช้หมัดหลายครั้งติดต่อกันในเวลาเดียวกัน โดยไม่ให้คู่ต่อสู้มีโอกาสหลบ
I
หมัดชุด (Combination) หมายถึงการต่อยที่นักมวยทำการโจมตีด้วยหมัดหลายครั้งในชุดเดียว โดยมักจะต่อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อสร้างแรงกดดันและทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถตั้งตัวได้
J
หมัดชุด (Combination punches) ในมวยคือการต่อยที่นักมวยใช้เทคนิคการโจมตีด้วยหมัดหลายครั้งในชุดเดียว โดยมักจะต่อย 3 ครั้งขึ้นไปในรูปแบบที่มีการจัดเรียงหมัดที่หลากหลาย เช่น หมัดตรง หมัดขวาง และหมัดอัปเปอ
K
หมัดชุด (Combination punches) หมายถึงเทคนิคการต่อยในมวยที่นักมวยทำการโจมตีด้วยหมัดหลายๆ หมัดติดต่อกันในชุดเดียว โดยปกติจะต่อย 3 ครั้งขึ้นไป เพื่อสร้างแรงกดดันต่อคู่ต่อสู้ โดยนักมวยจะผสมผสานหมัดที่หลาก
20.
หมัด 1-2 คืออะไร
A
หมัด 1-2 (1-2 combination) คือชุดหมัดที่ประกอบด้วยการโจมตีด้วยหมัดสองหมัดติดต่อกัน โดยหมัดแรกจะเป็นหมัดตรงจากมือซ้าย (Jab) และหมัดที่สองจะเป็นหมัดตรงจากมือขวา (Cross) เทคนิคนี้ช่วยให้นักมวยสามารถควบคุ
B
หมัด 1-2 เป็นเทคนิคการโจมตีที่สำคัญในมวย โดยการต่อย 2 หมัดที่ทำให้เกิดการโจมตีอย่างรวดเร็ว หมัดแรก (Jab) จะใช้เพื่อเปิดช่องและทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุล ในขณะที่หมัดที่สอง (Cross) จะเป็นการโจมตีที่มีพลัง
C
หมัด 1-2 คือการต่อยที่นักมวยจะใช้หมัดแรก (หมัด 1) เป็นหมัดตรงจากมือซ้าย (Jab) และตามด้วยหมัดที่สอง (หมัด 2) เป็นหมัดตรงจากมือขวา (Cross)
D
หมัด 1-2 คือเทคนิคการโจมตีที่นักมวยจะต่อยด้วยหมัดสองหมัดอย่างรวดเร็ว หมัดแรก (Jab) จากมือซ้ายจะใช้เพื่อสร้างระยะห่างหรือปิดบังการมองของคู่ต่อสู้ ส่วนหมัดที่สอง (Cross) จากมือขวาจะถูกใช้เพื่อทำให้เกิดแ
E
หมัด 1-2 เป็นเทคนิคการโจมตีที่ประกอบด้วยหมัดสองหมัด โดยหมัดแรกคือ Jab จากมือซ้าย และหมัดที่สองคือ Cross จากมือขวา การใช้หมัดชุดนี้ทำให้นักมวยสามารถทำลายการป้องกันของคู่ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น
F
หมัด 1-2 หมายถึงการใช้หมัด 2 หมัดในครั้งเดียว โดยจะมีการจัดเรียงที่แตกต่างกัน
G
หมัด 1-2 (1-2 combination) เป็นชุดหมัดที่นักมวยใช้ในการโจมตีที่มีประสิทธิภาพ หมัดแรก (Jab) ช่วยในการเปิดช่องหรือทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุล ส่วนหมัดที่สอง (Cross) จะเป็นการโจมตีที่มีกำลังมากขึ้น นักมวยควร
H
หมัด 1-2 หมายถึงชุดหมัดที่นักมวยใช้ในการโจมตี โดยหมัดแรกคือหมัดตรงซ้าย (Jab) และหมัดที่สองคือหมัดตรงขวา (Cross) เทคนิคนี้ช่วยให้การโจมตีมีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
I
หมัด 1-2 คือการต่อยที่นักมวยจะใช้หมัดแรก (หมัด 1) เป็นหมัดตรงจากมือซ้าย (Jab) และตามด้วยหมัดที่สอง (หมัด 2) เป็นหมัดตรงจากมือขวา (Cross)
J
หมัด 1-2 คือการต่อย 2 หมัดโดยนักมวยจะต่อย 1 แล้วต่อย 2
K
หมัด 1-2 (1-2 combination) คือชุดหมัดที่นักมวยใช้ในการโจมตี ซึ่งประกอบด้วยหมัดแรก (Jab) ที่มาจากมือซ้ายและหมัดที่สอง (Cross) ที่มาจากมือขวา การใช้เทคนิคนี้ช่วยให้นักมวยสามารถเปิดการป้องกันของคู่ต่อสู้
21.
ชาโดว์สเต็ป (Shadow step) คืออะไร
A
ชาโดว์สเต็ป (Shadow boxing) คือการฝึกที่นักมวยทำการต่อยและเคลื่อนไหวโดยไม่มีคู่ต่อสู้ โดยจะทำการแสดงการโจมตีและการป้องกันในอากาศ เพื่อพัฒนาทักษะการต่อสู้ เช่น ความเร็ว ความแม่นยำ และความคล่องตัว
B
ชาโดว์สเต็ป (Shadow boxing) คือการฝึกที่นักมวยเคลื่อนไหวและต่อยในอากาศ โดยทำการแสดงการโจมตีและการหลบอย่างอิสระ ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการต่อสู้ เช่น การควบคุมระยะห่าง การใช้กล้ามเนื้อหลัก และการเข้าใจจังหว
C
ชาโดว์สเต็ปคือการฝึกที่นักมวยเคลื่อนไหวและทำการต่อยในอากาศ โดยสามารถรวมถึงการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การต่อย การหลบ และการเคลื่อนที่ โดยช่วยพัฒนาความเร็ว ความแม่นยำ และจังหวะการต่อสู้ โดยไม่ต้องมีคู่ต่อสู
D
ชาโดว์สเต็ป (Shadow step) คือการฝึกที่นักมวยเคลื่อนไหวและทำท่าต่อสู้กับเงาของตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวและการโจมตี
E
ชาโดว์สเต็ปหมายถึงการฝึกเคลื่อนไหวที่นักมวยทำการต่อยและหลบอย่างอิสระ โดยไม่มีคู่ต่อสู้ โดยมักใช้กระจกหรือเงาของตนเองเพื่อดูท่าทาง
F
ชาโดว์สเต็ปเป็นการฝึกที่นักมวยเคลื่อนไหวและต่อยในอากาศ โดยไม่มีคู่ต่อสู้
G
ชาโดว์สเต็ป (Shadow boxing) คือการฝึกทักษะการต่อสู้ที่นักมวยจะเคลื่อนไหวและต่อยในอากาศ โดยการแสดงท่าต่างๆ อย่างเช่น การต่อย การหลบ และการเคลื่อนไหว เพื่อพัฒนาทักษะและความคล่องตัว
H
ชาโดว์สเต็ปคือการฝึกในรูปแบบที่นักมวยทำการต่อสู้กับเงาของตัวเอง โดยใช้การเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น การต่อย การหลบ และการก้าวเดิน ช่วยให้พัฒนาทักษะการโจมตีและการป้องกันโดยไม่ต้องมีคู่ต่อสู้
I
ชาโดว์สเต็ปคือการฝึกท่าในมวยโดยไม่ต้องมีคู่ต่อสู้
J
ชาโดว์สเต็ป (Shadow boxing) คือการฝึกที่นักมวยทำการต่อยและเคลื่อนไหวในอากาศ โดยไม่มีคู่ต่อสู้จริงๆ การฝึกนี้รวมถึงการแสดงการโจมตี การหลบ การเคลื่อนที่ และการวางกลยุทธ์ในการต่อสู้ ช่วยพัฒนาทักษะการต่อส
K
ชาโดว์สเต็ปหมายถึงการฝึกที่นักมวยทำการต่อยและเคลื่อนไหวโดยไม่มีคู่ต่อสู้ ซึ่งมักจะทำในกระจกหรือใช้เงาของตัวเองเพื่อปรับท่าทาง การฝึกแบบนี้ช่วยให้นักมวยพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น การเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่ว
22.
การเตะในมวยไทยคืออะไร
A
การเตะในมวยไทย (Muay Thai kicking) คือเทคนิคการโจมตีที่นักมวยใช้เท้าในการโจมตีคู่ต่อสู้ โดยมีหลายประเภท เช่น การเตะขวาง (Roundhouse Kick) ซึ่งสร้างแรงปะทะโดยการหมุนตัว, การเตะต่ำ (Low Kick) ที่โจมตีบร
B
การเตะในมวยไทย (Muay Thai kicking) คือการใช้เท้าในการโจมตีคู่ต่อสู้ โดยมีรูปแบบและเทคนิคที่หลากหลาย เช่น การเตะขวาง (Roundhouse Kick): ใช้การหมุนตัวและการเปิดร่างกายเพื่อสร้างแรงปะทะไปที่คู่ต่อสู้ กา
C
การเตะในมวยไทยหมายถึงการใช้ขาเตะคู่ต่อสู้ด้วยเท้าอย่างใดอย่างหนึ่ง
D
การเตะในมวยไทยคือการใช้ขาในการโจมตี ซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การเตะขวาง การเตะต่ำ และการเตะสูง การเตะเป็นส่วนสำคัญของการโจมตีในมวยไทย
E
การเตะในมวยไทยคือการใช้ขาในการโจมตีคู่ต่อสู้ ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น การเตะขวาง (Roundhouse Kick) การเตะต่ำ (Low Kick) และการเตะสูง (High Kick) การเตะเป็นเทคนิคที่สำคัญในการทำให้คู่ต่อสู้เสียสม
F
การเตะในมวยไทย (Muay Thai kicking) คือการใช้เท้าในการโจมตี โดยมีหลายรูปแบบ เช่น การเตะขวาง (Roundhouse Kick) ที่ใช้การหมุนตัวเพื่อสร้างแรงปะทะ การเตะต่ำ (Low Kick) ที่โจมตีที่ขาของคู่ต่อสู้ และการเตะส
G
การเตะในมวยไทยคือการใช้เท้าเตะคู่ต่อสู้
H
การเตะในมวยไทยคือการโจมตีคู่ต่อสู้โดยใช้เท้าเพื่อสร้างความเสียหายหรือทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุล
I
การเตะในมวยไทยคือการใช้เท้าในการโจมตี ซึ่งมีหลากหลายเทคนิค เช่น การเตะขวาง (Roundhouse Kick) ที่ใช้การหมุนตัวเพื่อให้เกิดแรง การเตะต่ำ (Low Kick) ที่เน้นโจมตีที่ขาของคู่ต่อสู้ และการเตะสูง (High Kick)
J
การเตะในมวยไทย (Muay Thai kicking) เป็นเทคนิคการโจมตีที่ใช้เท้าในการกระทำ โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ เช่น การเตะขวาง (Roundhouse Kick) ที่มีการหมุนตัวเพื่อสร้างแรงปะทะ, การเตะต่ำ (Low Kick) ที่เน้นโจมต
K
การเตะในมวยไทยหมายถึงการใช้ขาในการโจมตีคู่ต่อสู้ โดยจะมีการใช้เท้าในการเตะในทิศทางต่างๆ เช่น การเตะขวางไปที่ขาของคู่ต่อสู้ หรือการเตะสูงเพื่อโจมตีบริเวณหัว การเตะสามารถสร้างแรงกดดันและทำให้คู่ต่อสู้ไม
23.
วิธีการเตะที่ถูกต้องในมวยไทย
A
การเตะที่ถูกต้องต้องมีการยืนในท่าพร้อม จากนั้นใช้ขาเตะไปที่เป้าหมาย
B
วิธีการเตะที่ถูกต้องในมวยไทยมีขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการโจมตีที่มีประสิทธิภาพ: ยืนในท่าพร้อม: ให้มั่นคง โดยให้เท้าข้างที่อยู่พื้นอยู่บนปลายเท้า ยกเข่าขึ้น: ยกเข่าขาข้างที่เตะขึ้นให้สูงระดับสะโพ
C
วิธีการเตะที่ถูกต้องคือการยืนในท่าที่ดีแล้วใช้เท้าเตะไปที่คู่ต่อสู้
D
การเตะที่ถูกต้องคือการใช้ขาเตะไปที่คู่ต่อสู้
E
วิธีการเตะที่ถูกต้องในมวยไทยมีขั้นตอนดังนี้: เริ่มจากท่าพร้อม: ยืนให้มั่นคง โดยเท้าข้างที่อยู่พื้นอยู่บนปลายเท้า ยกเข่า: ยกเข่าขาข้างที่จะเตะขึ้นไปให้สูง เพื่อเตรียมการเตะ หมุนและเตะ: หมุนสะโพกและลำต
F
การเตะในมวยไทยนั้นต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดความมีประสิทธิภาพ: ท่าพร้อม: เริ่มจากการยืนในท่าพร้อม โดยเท้าข้างที่อยู่พื้นอยู่บนปลายเท้า การยกเข่า: ยกเข่าขาข้างที่เตะขึ้นให้สูงระดับสะโพก แล
G
วิธีการเตะที่ถูกต้องในมวยไทยนั้นประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้: ยืนในท่าพร้อม: ใช้ท่าตั้งมั่น โดยให้เท้าข้างที่อยู่พื้นยืนอยู่บนปลายเท้า ยกเข่าขึ้น: ยกเข่าขาข้างที่เตะขึ้นไปในระดับสะโพก เพื่อเตรียมการเตะ
H
วิธีการเตะที่ถูกต้องคือการเริ่มจากท่าพร้อม จากนั้นยกเข่าขึ้นมาให้สูง แล้วทำการเตะไปที่คู่ต่อสู้ โดยเท้าที่เตะจะต้องไม่อยู่ตรงพื้นตลอดเวลา
I
การเตะที่ถูกต้องในมวยไทยเริ่มจากการยืนในท่าพร้อม จากนั้นยกเข่าขึ้นเพื่อเตรียมเตะ ปลายเท้าจะต้องชี้ไปที่เป้าหมาย แล้วขาเตะจะต้องหมุนออกเมื่อเตะ และยกส้นเท้าของขาที่อยู่พื้นขึ้นเพื่อให้มีการเคลื่อนไหวที
J
วิธีการเตะที่ถูกต้องในมวยไทยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้: ท่าพร้อม: ยืนในท่าพร้อม โดยใช้เท้าข้างที่อยู่พื้นยืนบนปลายเท้า เพื่อให้มีความมั่นคงและเคลื่อนไหวได้คล่องตัว การยกเข่า: ยกเข่าขาข้างที่เตะขึ้นไป
K
วิธีการเตะที่ถูกต้องในมวยไทยคือการยืนในท่าที่มั่นคง จากนั้นยกเข่าและเตะด้วยเท้าไปที่คู่ต่อสู้
24.
ท่าป้องกันพื้นฐานของมวยมีอะไรบ้าง
A
ท่าป้องกันพื้นฐานของมวยมีหลายเทคนิคที่นักมวยควรทำความเข้าใจและใช้ในการต่อสู้เพื่อป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้:
B
ท่าป้องกันพื้นฐานในมวยมีหลายเทคนิคที่สำคัญที่นักมวยควรใช้ ได้แก่: การยกมือ (Guard): ยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากด้านบน โดยควรให้มืออยู่ในระดับที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ การหลบ (Slip): ใช้การเคลื
C
ท่าป้องกันพื้นฐานของมวยมีหลายเทคนิคที่นักมวยควรทำความเข้าใจและใช้ในการต่อสู้เพื่อป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้: การยกมือ (Guard): การยกมือขึ้นเพื่อป้องกันบริเวณใบหน้า โดยให้แขนตั้งอยู่ในท่าที่สามารถป้อง
D
ท่าป้องกันพื้นฐานในมวยมีหลายเทคนิคที่สำคัญในการป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้: การยกมือ (Guard): ยกมือขึ้นให้ปิดป้องกันบริเวณใบหน้า โดยมือจะต้องอยู่ในระดับที่สามารถป้องกันการโจมตีจากด้านบนและด้านข้างได้
E
ท่าป้องกันพื้นฐานในมวยประกอบด้วยหลายท่าที่สำคัญ เช่น การยกมือ (Guard): ยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากด้านบน การหลบ (Slip): การเคลื่อนไหวตัวหลบไปด้านข้างเพื่อลดโอกาสในการถูกโจมตี การถอย (Backstep):
F
ท่าป้องกันพื้นฐานในมวยมีหลายวิธี ได้แก่: การยกมือ (Guard): ยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากด้านบน การหลบ (Slip): การเคลื่อนไหวตัวหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงหมัด การถอย (Backstep): การถอยหลังจากการโจ
G
ท่าป้องกันพื้นฐานในมวยมีหลายเทคนิคที่นักมวยควรทำความเข้าใจและใช้ในการต่อสู้เพื่อป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้: การยกมือ (Guard): การยกมือขึ้นเพื่อป้องกันบริเวณใบหน้า โดยให้แขนตั้งอยู่ในท่าที่สามารถป้อง
H
ท่าป้องกันพื้นฐานในมวยหมายถึงท่าที่ใช้ในการหลบหรือปิดป้องการโจมตีจากคู่ต่อสู้
I
ท่าป้องกันพื้นฐานของมวยคือวิธีการหลบหมัดจากคู่ต่อสู้ โดยใช้ท่าต่างๆ เช่น การยกมือขึ้นหรือการเลี่ยง
J
ท่าป้องกันพื้นฐานของมวยมีหลายเทคนิคที่สำคัญ: การยกมือ (Guard): การยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากด้านบนและด้านข้าง โดยให้แขนตั้งอยู่ในท่าที่สามารถบล็อกการโจมตีได้ การหลบ (Slip): การเคลื่อนไหวไปด้านข
K
ท่าป้องกันพื้นฐานในมวยประกอบด้วยหลายวิธีที่สำคัญ ได้แก่: การยกมือ (Guard): ยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากด้านบน โดยการตั้งการ์ดอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันใบหน้าและลำตัว การหลบ (Slip): การเคลื่อนไหวตั
25.
การหลบในมวยมีอะไรบ้าง
A
Sleep การก้าวถอยหลัง ดึงหลบ ก้าวดึงหลบ หลบลง
B
Sleep การกระโดด ก้าวถอยหลัง ดึงหลบ การหมุนตัว
C
Sleep ก้าวถอยหลัง ดึงหลบ ก้าวดึงหลบ การกระโดด
D
Sleep ก้าวถอยหลัง ดึงหลบ การกระโดด ก้าวดึงหลบ
E
Sleep การก้าวถอยหลัง ดึงหลบ การก้าวไปข้างหน้า หลบแบบตัว U
F
Sleep ก้าวถอยหลัง ดึงหลบ ก้าวดึงหลบ หลบแบบตัว U
G
Sleep ก้าวถอยหลัง ดึงหลบ ก้าวดึงหลบ หลบลง
H
Sleep การก้าวถอยหลัง การล้มตัว ก้าวดึงหลบ หลบแบบตัว U
I
Sleep ก้าวถอยหลัง ดึงหลบ ก้าวดึงหลบ หลบแบบตัว U
J
Sleep ก้าวถอยหลัง ดึงหลบ การก้าวไปข้างหน้า ก้าวดึงหลบ
K
Sleep การก้าวถอยหลัง ดึงหลบ การก้าวไปข้างหน้า หลบแบบตัว U
26.
นักมวยวงใน คืออะไร
A
นักมวยวงในคือผู้ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ในระยะประชิด มีทักษะในการควบคุมคู่ต่อสู้ การใช้เข่า การต่อยในระยะใกล้ และการสร้างโอกาสในการชนะ โดยมักจะใช้เทคนิคการหลบหลีกและป้องกันตัวเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามา
B
นักมวยวงในคือผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับมวย
C
นักมวยวงในคือคนที่ชกมวยในเวที
D
นักมวยวงในคือคนที่ชอบชกมวย
E
นักมวยวงในคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการชกในระยะประชิด มีทักษะในการควบคุมคู่ต่อสู้และใช้เข่าในการต่อสู้
F
นักมวยวงในคือผู้ที่สามารถต่อสู้ได้ในระยะประชิด แต่ไม่เน้นการใช้ทักษะ
G
นักมวยวงในคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะใกล้ ใช้ทักษะการควบคุมคู่ต่อสู้ การใช้เข่า และการต่อยเพื่อสร้างโอกาสในการชนะ
H
นักมวยวงในคือผู้ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ในระยะประชิด โดยจะใช้ทักษะในการควบคุมคู่ต่อสู้และการต่อย
I
นักมวยวงในคือผู้ที่มีทักษะในการชกมวยในระยะใกล้ โดยจะใช้การต่อสู้ในระยะประชิดเป็นหลัก
J
นักมวยวงในคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด เน้นการควบคุมคู่ต่อสู้ การใช้เข่าและการต่อยในระยะใกล้ รวมถึงการหลบหลีกและป้องกันตัวในระยะประชิด
K
นักมวยวงในคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ในระยะประชิด ใช้เทคนิคในการควบคุมคู่ต่อสู้ การใช้เข่า การต่อยในระยะใกล้ และสามารถสร้างโอกาสในการชนะ
27.
นักมวยวงนอก คืออะไร
A
นักมวยวงนอกคือผู้ที่มีทักษะในการชกมวยในระยะไกล
B
นักมวยวงนอกคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ในระยะไกล ใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวและการต่อยจากระยะห่าง โดยมักเน้นการสร้างช่องว่างระหว่างตัวเองและคู่ต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี
C
นักมวยวงนอกคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการชกในระยะไกล ใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว การต่อยและการหลบหลีกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี โดยมักจะใช้หมัดยาวในการทำคะแนน
D
นักมวยวงนอกคือคนที่ชอบมวย
E
นักมวยวงนอกคือผู้ที่ชกมวยในเวที
F
นักมวยวงนอกคือผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้ในระยะห่างจากคู่ต่อสู้ ใช้การเคลื่อนไหวและการต่อยจากระยะไกลเพื่อรักษาระยะห่าง
G
นักมวยวงนอกคือผู้ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ในระยะไกล ใช้เทคนิคการหลบและต่อยจากระยะที่ปลอดภัย
H
นักมวยวงนอกคือผู้ที่ชกในระยะห่างจากคู่ต่อสู้ มักใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวและการต่อยจากระยะไกล
I
นักมวยวงนอกคือคนที่ชอบดูมวย
J
นักมวยวงนอกคือผู้ที่มีทักษะในการต่อสู้ในระยะไกล มักใช้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว การต่อยที่แม่นยำ และการป้องกันที่ดีเพื่อรักษาระยะห่างจากคู่ต่อสู้
K
นักมวยวงนอกคือผู้ที่เชี่ยวชาญในการชกในระยะห่างจากคู่ต่อสู้ มีทักษะในการเคลื่อนไหว การต่อยที่แม่นยำและรวดเร็ว รวมถึงการใช้เทคนิคหลบหลีกเพื่อรักษาระยะห่าง ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างโอกาสในการทำคะแนนและหลบกา
28.
การฟักเข่า คืออะไร
A
การฟักเข่าคือการใช้เข่าเพื่อป้องกันการโจมตีและโจมตีคู่ต่อสู้ในระยะประชิด
B
การฟักเข่าคือการยืนในท่ามวย
C
การฟักเข่าคือเทคนิคที่นักมวยใช้เข่าเป็นอาวุธในการต่อสู้ในระยะประชิด ใช้ในการโจมตีและป้องกันคู่ต่อสู้
D
การฟักเข่าคือเทคนิคในการใช้เข่าในการต่อสู้ในระยะประชิด โดยนักมวยจะใช้เข่าเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ขณะเดียวกันก็ป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้และควบคุมสถานการณ์ในการต่อสู้
E
การฟักเข่าคือเทคนิคการใช้เข่าในมวยไทย ที่ช่วยให้สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ในระยะประชิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
F
การฟักเข่าคือการต่อสู้ในระยะประชิดที่ใช้เข่าเป็นอาวุธ
G
การฟักเข่าคือการใช้เข่าต่อยคู่ต่อสู้ในระยะประชิด
H
การฟักเข่าคือเทคนิคที่สำคัญในมวยไทยที่นักมวยใช้เข่าเป็นอาวุธในการโจมตีในระยะประชิด โดยสามารถยกเข่าขึ้นเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ และควบคุมการเคลื่อนไหวในระยะใกล้ได้อย่างมีประสิทธิ
I
การฟักเข่าคือการใช้เข่าในการต่อสู้ในระยะประชิด นักมวยจะยกเข่าขึ้นเพื่อโจมตีหรือป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ในระยะใกล้
J
การฟักเข่าคือเทคนิคการใช้เข่าในการต่อสู้ในระยะประชิด ซึ่งนักมวยจะยกเข่าขึ้นเพื่อทำการโจมตี ขณะเดียวกันก็ใช้เข่าเพื่อป้องกันตัวจากการโจมตีของคู่ต่อสู้ และสามารถควบคุมระยะห่างได้
K
การฟักเข่าคือการใช้เข่าเป็นอาวุธในการโจมตีในระยะประชิด ซึ่งนักมวยจะสามารถควบคุมระยะห่างและโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
29.
การฟักเข่า คืออะไร
A
การฟักเข่าคือเทคนิคในการใช้เข่าในการต่อสู้ในระยะประชิด โดยนักมวยจะใช้เข่าเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ขณะเดียวกันก็ป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้และควบคุมสถานการณ์ในการต่อสู้
B
การฟักเข่าคือการต่อสู้ในระยะประชิดที่ใช้เข่าเป็นอาวุธ
C
การฟักเข่าคือเทคนิคการใช้เข่าในมวยไทย ที่ช่วยให้สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ในระยะประชิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
D
การฟักเข่าคือการยืนในท่ามวย
E
การฟักเข่าคือเทคนิคที่สำคัญในมวยไทยที่นักมวยใช้เข่าเป็นอาวุธในการโจมตีในระยะประชิด โดยสามารถยกเข่าขึ้นเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ และควบคุมการเคลื่อนไหวในระยะใกล้ได้อย่างมีประสิทธิ
F
การฟักเข่าคือเทคนิคที่นักมวยใช้เข่าเป็นอาวุธในการต่อสู้ในระยะประชิด ใช้ในการโจมตีและป้องกันคู่ต่อสู้
G
การฟักเข่าคือการใช้เข่าเป็นอาวุธในการโจมตีในระยะประชิด ซึ่งนักมวยจะสามารถควบคุมระยะห่างและโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
H
การฟักเข่าคือเทคนิคการใช้เข่าในการต่อสู้ในระยะประชิด ซึ่งนักมวยจะยกเข่าขึ้นเพื่อทำการโจมตี ขณะเดียวกันก็ใช้เข่าเพื่อป้องกันตัวจากการโจมตีของคู่ต่อสู้ และสามารถควบคุมระยะห่างได้
I
การฟักเข่าคือการใช้เข่าต่อยคู่ต่อสู้ในระยะประชิด
J
การฟักเข่าคือการใช้เข่าในการต่อสู้ในระยะประชิด นักมวยจะยกเข่าขึ้นเพื่อโจมตีหรือป้องกันการโจมตีจากคู่ต่อสู้ในระยะใกล้
K
การฟักเข่าคือการใช้เข่าเพื่อป้องกันการโจมตีและโจมตีคู่ต่อสู้ในระยะประชิด
30.
ตัวเลขที่ใช้แทนชื่อหมัดในมวยมีกี่ตัว
A
1-4
B
7 หรือ 8
C
2
D
1-3
E
5
F
4
G
8
H
1 หรือ 2
I
4 หรือ 5
J
1-5
K
3 หรือ 4
31.
การไหว้ครู คืออะไร
A
การไหว้ครูคือการแสดงความเคารพต่อผู้ฝึกสอนในมวย
B
การไหว้ครูเป็นประเพณีสำคัญในมวยไทยและมวยอื่นๆ โดยมีการแสดงความเคารพต่อผู้สอนและการสืบทอดศิลปะการต่อสู้
C
การไหว้ครูคือการเคารพผู้สอนและศิลปะการต่อสู้ก่อนฝึกซ้อม
D
การไหว้ครูคือประเพณีที่สำคัญในมวยเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้สอน
E
การไหว้ครูคือการแสดงความเคารพต่อผู้สอนในมวยไทย โดยมักทำก่อนการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมและประเพณี โดยมีการทำท่าทางเฉพาะและการสวดมนต์ที่แสดงถึงความขอบคุณและเคารพในศิลปะการต่อสู้
F
การไหว้ครูคือการทำท่าทางในมวย
G
การไหว้ครูเป็นการปฏิบัติเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้สอนและศิลปะการต่อสู้ โดยมักมีการสวดมนต์และทำท่าทางเฉพาะ
H
การไหว้ครูคือพิธีกรรมที่สำคัญในมวยไทยและศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ที่แสดงถึงความเคารพต่อครูผู้สอนและศิลปะการต่อสู้ ซึ่งมักจะทำก่อนการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน โดยรวมถึงการทำท่าทางเฉพาะ การสวดมนต์ และการกล่าวขอบ
I
การไหว้ครูคือการแสดงความเคารพและขอบคุณต่อครูผู้สอนในมวยไทยและมวยอื่นๆ
J
การไหว้ครูในมวยไทยคือการแสดงความเคารพต่อผู้สอนและศิลปะการต่อสู้ ซึ่งมักจะทำก่อนการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน โดยมีการทำท่าทางและการสวดมนต์
K
การไหว้ครูในมวยไทยคือการแสดงความเคารพต่อผู้ฝึกสอนและศิลปะการต่อสู้ โดยนักมวยจะทำพิธีที่รวมถึงการแสดงท่าทาง การสวดมนต์ และการกล่าวขอบคุณก่อนเริ่มการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน
32.
การแท็กมือในมวย คืออะไร
A
การแท็กมือในมวยคือการที่นักมวยทั้งสองฝ่ายทำการสัมผัสมือกันก่อนเริ่มการแข่งขันหรือหลังการชก เป็นการแสดงถึงความเคารพต่อกัน ความเป็นนักกีฬา และการส่งเสริมบรรยากาศที่ดีในสนาม
B
การแท็กมือคือการทำท่าทางในมวย
C
การแท็กมือในมวยคือการที่นักมวยทั้งสองฝ่ายทำการสัมผัสมือกันก่อนหรือหลังการชก เพื่อแสดงความเคารพและเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนักกีฬา
D
การแท็กมือในมวยคือการสัมผัสมือระหว่างนักมวยทั้งสองฝ่าย ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการแข่งขัน เพื่อแสดงถึงความเคารพต่อกันและความเป็นนักกีฬา ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในวงการกีฬา
E
การแท็กมือคือการทำการสัมผัสมือระหว่างนักมวยเพื่อแสดงความเคารพและการเป็นนักกีฬา
F
การแท็กมือคือการจับมือกันระหว่างนักมวยก่อนการแข่งขัน
G
การแท็กมือคือการจับมือระหว่างนักมวย
H
การแท็กมือคือการสัมผัสมือกันระหว่างนักมวยเพื่อแสดงความเคารพ
I
การแท็กมือในมวยคือการสัมผัสมือระหว่างนักมวยทั้งสองฝ่ายก่อนหรือหลังการแข่งขัน เพื่อแสดงถึงความเคารพต่อกัน
J
การแท็กมือในมวยคือการทำการสัมผัสมือระหว่างนักมวยทั้งสองฝ่ายก่อนการแข่งขันหรือหลังการแข่งขัน เพื่อแสดงถึงความเคารพต่อกันและความเป็นนักกีฬา เป็นพิธีกรรมที่ส่งเสริมบรรยากาศที่ดีในสนาม และสร้างความสัมพันธ
K
การแท็กมือในมวยคือพิธีกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างนักมวยทั้งสองฝ่าย โดยมักจะทำก่อนการแข่งขันหรือหลังการแข่งขันเพื่อแสดงความเคารพและการยอมรับในฐานะนักกีฬา
33.
การกอดในมวยสากลสมัครเล่น คืออะไร
A
การกอดคือการทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถตีได้
B
การกอดในมวยสากลสมัครเล่นคือการเข้าไปใกล้ชิดคู่ต่อสู้ โดยนักมวยจะใช้การกอดเพื่อป้องกันตัวจากการถูกโจมตีหรือหยุดการชกชั่วคราว
C
การกอดในมวยสากลสมัครเล่นคือการเข้าใกล้คู่ต่อสู้เพื่อป้องกันตัวจากการโจมตี
D
การกอดคือการหยุดการต่อสู้ระหว่างนักมวย
E
การกอดในมวยสากลสมัครเล่นคือการที่นักมวยเข้าไปจับคู่ต่อสู้ในระยะประชิด ซึ่งมักจะใช้เพื่อป้องกันการโจมตีหรือหยุดการชกชั่วคราว โดยนักมวยต้องระวังไม่ให้กอดนานเกินไปเพราะอาจถูกตัดคะแนน
F
การกอดคือการเข้าใกล้คู่ต่อสู้ในมวย
G
การกอดในมวยสากลสมัครเล่นคือการที่นักมวยเข้าไปใกล้ชิดคู่ต่อสู้และทำการกอดเพื่อหยุดการโจมตี โดยการกอดนี้สามารถใช้เป็นกลยุทธ์ในการป้องกันตัวและวางแผนการโจมตีใหม่
H
การกอดในมวยสากลสมัครเล่นคือการเข้ามาจับคู่ต่อสู้ในระยะประชิด เพื่อหยุดการโจมตีและช่วยในการวางแผนการต่อสู้
I
การกอดในมวยสากลสมัครเล่นคือเทคนิคที่นักมวยใช้ในการจับคู่ต่อสู้ในระยะประชิด เพื่อหยุดการโจมตี ป้องกันตัว หรือสร้างโอกาสในการวางแผนการต่อสู้ใหม่ นักมวยจะต้องใช้การกอดอย่างมีกลยุทธ์และไม่สามารถทำการกอดได
J
การกอดในมวยสากลสมัครเล่นคือการจับคู่ต่อสู้ในระยะประชิด เพื่อป้องกันการโจมตี และยังช่วยในการวางแผนการโจมตีใหม่ โดยมีข้อกำหนดว่าไม่สามารถกอดได้นานเกินไป
K
การกอดคือการจับคู่ต่อสู้ในมวย
34.
รุ่นเฮฟวีเวท คือ
A
สูงสุด 168 ปอนด์ (ประมาณ 76.2 กิโลกรัม)
B
มันคืออะไร
C
สูงสุด 147 ปอนด์ (ประมาณ 66.7 กิโลกรัม)
D
สูงสุด 126 ปอนด์ (ประมาณ 57.2 กิโลกรัม)
E
สูงสุด 135 ปอนด์ (ประมาณ 61.2 กิโลกรัม)
F
เริ่มต้นตั้งแต่ 201 ปอนด์ (ประมาณ 91.2 กิโลกรัม) ขึ้นไป
G
สูงสุด 175 ปอนด์ (ประมาณ 79.4 กิโลกรัม)
H
สูงสุด 112 ปอนด์ (ประมาณ 50.8 กิโลกรัม)
I
สูงสุด 160 ปอนด์ (ประมาณ 72.6 กิโลกรัม)
J
สูงสุด 118 ปอนด์ (ประมาณ 53.5 กิโลกรัม)
K
ไร้เวท
แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม
Quiz แนะนำ
มาอ่อยแฟนกันค่ะ(18+)
เอาชีวิตรอดจากสก๊อย
เมื่อคุณหลุดเข้าไปในโลกอนิเมะ(ฉบับโรงเรียน🍒)
หนทางสู่บัลลังก์หยก
ᴊᴏɪɴ ᴀ sᴛᴜᴅᴇɴᴛ ᴇxᴄʜᴀɴɢᴇ ɪɴ ᴊᴀᴘᴀɴ 一୧ ‧₊˚ 🎐 ⋅
เพื่อนๆคิดว่าตัวเองบริหารเวลาเก่งจริงมั้ย?!
When you go to Korea with friends
POV : เมื่อคุณได้แสดงซีรี่ย์จีน
เมื่อคุณเป็นนางเงือก
𝙋𝙊𝙑 : 𝙄𝙛 𝙮𝙤𝙪 𝙖𝙧𝙚 𝙖 𝙆-𝙥𝙤𝙥 𝙞𝙙𝙤𝙡 ♡♥︎
ɪғ ʏᴏᴜ ʜᴀᴠᴇ ᴄʜɪʟᴅʀᴇɴ ⋆.𐙚 ̊ [หากคุณมีลูก]
เมื่อคุณเป็นราชวงศ์
เดทแรกกับแจฮยอน
thai song 4 u 🍀🩷
Date with Keonho Cortiss~~
คุณไทป์อะไรเอ่ยย?
คุณเหมาะจะเป็นผู้นำเพียงใด
Let's live in the countryside baby!
คุณคือธงสีอะไรในความสัมพันธ์⚪️🟢🟡🟠🔴⚫️
•° Your Bakery °•
🦄คุณเป็นไทป์อะไรกันนะ❕✨✨
Outfits your style
เมื่อคุณเป็นทนายความ (ญ.)
เมื่อคุณหลุดเข้าไปในสมัยโบราณ
ดู Quiz ทั้งหมด
สร้าง Quiz ใหม่